เชียเรอร์ เดอะ โรเวอร์ ของ แอลัน เชียเรอร์

ซัมเมอร์ปี 1992 ฮอตชอตก็ได้ฮอตสมชื่อ เพราะเป็นนักเตะที่เป็นที่ต้องการตัวอย่างหนัก แม้ว่าเซาแทมป์ตันจะออกมาประกาศว่า กองหน้าคนนี้ไม่ได้มีไว้ขาย แต่เงินทองก็ทำให้คนเปลี่ยนคำพูดได้เสมอ แล้วอีกอย่างนักบุญก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปฏิเสธเงิน 3.3 ล้านปอนด์ ที่ถือเป็นสถิติค่าตัวนักเตะของเกาะอังกฤษในขณะนั้นได้ด้วย ตอนนั้นมีทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ แบล็กเบิร์นโรเวอร์ส ที่พร้อมจะคว้าตัวเชียเรอร์ไปร่วมทีม และเชียเรอร์ก็ตัดสินใจเลือกแบล็กเบิร์น เพราะเป็นทีมแรกที่ออกมาแสดงความสนใจในตัวเขา แม้ว่าเขาจะฟังข้อเสนอของ แมนฯ ยู อย่างมีมารยาท แต่ในใจของเขาได้มีคำตอบให้กับตัวเองแล้ว เชียเรอร์ พร้อมภรรยาที่กำลังตั้งท้อง 7 เดือน ออกเดินทางตามถนนแห่งชีวิตที่ทอดยาวไปยังแลงคาเชียร์ เพื่อเริ่มต้นบรรทัดต่อไปของชีวิตคนทั้งคู่

แต่มีเรื่องที่คนทั่วไปอาจไม่รู้ คือในตอนนั้น นิวคาสเซิลยูไนเต็ด นำโดย เควิน คีแกน และ เซอร์ จอห์น ฮอลล์ ผู้เข้ามาปลดหนี้ให้สาลิกาดง ก็มีความสนใจในตัวเชียเรอร์เช่นกัน แต่ก็ต้องค้างแผนการไว้แค่นั้น เมื่อเชียเรอร์เซ็นต์สัญญากับแบล็กเบิร์นไปเสียก่อน แม้ว่าเชียเรอร์จะเป็นแฟนนิวคาสเซิลโดยสายเลือด แต่แบล็กเบิร์นก็เป็นคำตอบที่ดีในขณะนั้น เพราะตอนนั้นนิวคาสเซิลเป็นทีมในดิวิชั่น 2 ขณะที่แบล็กเบิร์นพึ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ชิพใหม่ แถมยังมีแบ็คด้านการเงินจากนักธุรกิจร้อยล้าน แจ็ค วอล์คเกอร์ กุหลาบไฟที่นำโดย เคนนี ดัลกลิช ในขณะนั้น ก็เปรียบเสมือนเค้กที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และเชียเรอร์ก็คือน้ำตาลไอซ์ซิ่ง ที่ตกแต่งเค้กก้อนนั้นให้ทั้งงามและหอมหวานยิ่งขึ้น

สำหรับคนที่เป็นกองหน้าที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ตลอดอาชีพค้าแข่งกับทั้ง เซลติก, ลิเวอร์พูล และ สก็อตแลนด์ อย่าง ดัลกลิช ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าเชียเรอร์นี่แหละจะนำเกียรติยศมาสู่ทีม ทางด้านฝั่ง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็คงอดจะรู้สึกไม่ได้ว่า เขาได้ทำเป้าหมายอันดับหนึ่งหลุดมือไปเสียแล้ว เมื่อในนัดเปิดตัวกับแบล็กเบิร์นเชียเรอร์ทำได้ 2 ประตูอย่างงดงาม แม้ว่าจบเกมทีมจะทำได้เพียงเสมอกับคริสตัล พาเลซไป 3-3 ที่เซลเฮิร์สท์ ปาร์กก็ตาม

จะว่าไปแล้วช่วงเวลานั้นเปรียบเสมือนยุคมืดของวงการฟุตบอลอังกฤษ มีฮูลิแกนอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ประกอบกับโศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโรห์ที่ตามหลอกหลอนแฟนบอลอังกฤษ การฟื้นตัวของวงการฟุตบอลในขณะนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้าและเจ็บปวด การมีสกาย เทเลวิชั่นถ่ายทอดสดการแข่งขันทางโทรทัศน์ กอปรกับแคมเปญให้สนามฟุตบอลทุกสนามเปลี่ยนเป็นที่นั่งให้หมด ก็กระตุ้นวงการฟุตบอลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่การเกิดใหม่ของบรรดานักเตะดาวรุ่ง จึงไม่ต่างอะไรจากการเกิดใหม่อีกครั้ง ของเสน่ห์ฟุตบอลระดับชาติในอังกฤษ

และเชียเรอร์ ในลุคเด็กหนุ่มนิสัยดีมีเสน่ห์ มีความเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม จึงเข้าไปนั่งในใจแฟนบอลอังกฤษได้ไม่ยากเย็น ฟุตบอลยุคใหม่ โกลเด้น บอยคนใหม่ เหมาะเจาะอะไรถึงเพียงนี้ เกมฟุตบอลในสมัยนี้เริ่มเปลี่ยนไป ค่าเหนื่อยสูง ค่าตัวแพงกลายเป็นเรื่องปกติ และแบล็กเบิร์นก็เป็นอีกทีมที่พร้อมจะจ่ายหนัก ซื้อนักเตะบิ๊กเนมหลายคนมาเสริมทีม ในราคาแบบบิ๊กๆ แต่เงินจำนวนมหาศาลที่มี ก็ไม่สามารถทำให้นักเตะอันดับหนึ่งของทีม รอดพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชที่เรียกว่า อาการบาดเจ็บ ได้ เชียเรอร์ต้องพลาดการลงสนามในช่วงท้ายของฤดูกาล ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นของฤดูกาล 1993-94 ด้วย

เชียเรอร์ได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณเส้นเอ็น ในแมตช์บ็อกซิ่ง เดย์ กับ ลีดส์ ทำให้เขาต้องอดลงสนามถึง 9 เดือนเต็มๆ เลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็ไม่ได้เป็นการสูญเสียสำหรับรังอีวู้ด ปาร์กเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียสำหรับทีมชาติอังกฤษด้วยเช่นกัน ทีมชาติอังกฤษชุด กุนซือหัวผักกาด เกรแฮม เทย์เลอร์ คุมทีม มีอันต้องไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก '94 ที่สหรัฐ เพราะขาดกองหน้าตัวสำคัญอย่างเชียเรอร์ และความฝันของเชียเรอร์ที่จะได้สวมเสื้อสีขาวของทีมชาติอังกฤษ ในเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีอันต้องรอไปก่อนอีกหลายปีกว่าจะได้เติมเต็ม

อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ทำหนึ่งความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริง คือการได้ลงเล่นในเซนต์เจมส์ ปาร์ก แม้จะไม่ใช่ภายใต้เสื้อสีขาวดำ หลังหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บ เชียเรอร์พาแบล็กเบิร์นไปเสมอกับนิวคาสเซิล ที่พึ่งเลื่อนชั้นมาหมาดๆ 1-1 แม้ว่าจะพลาดการลงสนามในเดือนแรกของฤดูกาล แต่ก็ไม่มีใครหยุดดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้ได้อยู่ เขาพังประตูพาแบล็กเบิร์นจบฤดูกาลด้วยอันดับ 2 และยิงไปถึง 31 ประตูในลีก อุดปากพวกที่วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่า เชียเรอร์ไม่มีทางกลับมาเป็นคนเดิมได้อย่างรวดเร็ว หลังต้องบาดเจ็บนานขนาดนั้นไปเสียสนิท

เชียเรอร์ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี เขาไม่ใช่เพียงแค่นักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในประเทศ กองหน้าอันดับหนึ่งในพรีเมียร์ชิพและอังกฤษ แต่ยังเหนือกว่านักเตะคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ฤดูกาล 1994-95 ยิ่งดีกว่าเดิมสำหรับเชียเรอร์และแบล็กเบิร์น34 ประตูในลีกของเชียเรอร์ พาแบล็กเบิร์นคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ ได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกในรอบ 81 ปีของสโมสร การที่แบล็กเบิร์นคว้าตัว คริส ซัตตัน มาร่วมทีมในราคา 5 ล้านปอนด์นั้น ทำให้เชียเรอร์ได้พบกับคู่แท้ในแดนหน้า นอกจากจะได้เหรียญแชมป์แล้ว ฤดูกาลเดียวกันนี้เชียเรอร์ยังได้รางวัล PFA นักเตะยอดเยี่ยมประจำปีอีกด้วย ซึ่งรางวัลนี้ได้มาจากการโหวตของเพื่อนร่วมอาชีพ นั่นหมายความว่าเชียเรอร์ ได้รับการยอมรับอย่างงดงามจากเพื่อนร่วมอาชีพ และเป็นการพิสูจน์ว่า การตัดสินใจปฏิเสธแมนฯ ยูนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

หลังจากคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ ส่งผลให้แบล็กเบิร์นได้ไปตะลุยในเวทีแชมเปียนส์ ลีก แต่น่าเสียดายที่เชียเรอร์ พลาดโอกาสลงสนามเกือบทุกนัดในรอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และเนื่องจากการขาดกองหน้าตัวสำคัญนี่เอง ทำให้แบล็กเบิร์นมีอันต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ผลงานในลีกฤดูกาลถัดมาของแบล็กเบิร์นก็ไม่ต่างจากเวทียุโรปมากนัก เมื่อพวกเขาไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ เคนนี่ ดัลกลิช ผู้ซึ่งพาทีมจากดิวิชั่น 2 เดิม จนเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก เปลี่ยนบทบาทของตัวเองภายในทีมในฐานะ ฟุตบอล ไดเร็กเตอร์ และเงียบหายไปจากวงการฟุตบอลไปพักใหญ่ พิสูจน์ให้เห็นถึงจุดเปลี่ยน ของเกมฟุตบอลรอบตัวของเชียเรอร์อีกครั้ง

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือผลงานการทำประตูอันยอดเยี่ยมของเชียเรอร์นั่นเอง แม้ว่าทีมจะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 ของตารางพรีเมียร์ชิพ แต่เขาก็ยังทำได้เหยียบ 30 ประตูกับแบล็กเบิร์นเช่นเคย ยิ่งเมื่อยิงไปอีก 5 ประตูในนามทีมชาติอังกฤษบนเวทียูโร 1996 ก็เป็นการเน้นย้ำให้รู้ว่า เขานี่แหละคือกองหน้าระดับเวิร์ล คลาส อีกคนหนึ่ง กระแสความนิยมของแฟนบอลพุ่งสูง เมื่ออังกฤษทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 96 แม้ว่าเยอรมนีคู่อริเก่าจะมาคว้าแชมป์ได้ในถิ่นเวมบลีย์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจในตนเอง ของเหล่าแฟนบอลอังกฤษลดลงแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาเริ่มมองเห็นความหวังรำไรๆ แล้วสิ

สำหรับเชียเรอร์ ผลงานที่ยอดเยี่ยมในยูโรมีความหมายที่มากมายกว่านั้น เพราะมันคือใบเบิกทางให้เขาได้กลับบ้าน บ้านที่เรียกได้ว่าบ้านจริงๆ โฮม สวีท โฮม